สองอย่างหลักๆ ที่ลูกค้าจะต้องเตรียม จะมี 
พื้นที่ กับ 
ระบบไฟฟ้า
					1. พื้นที่
					  - พื้นสำหรับวางห้องเย็น
					  - หลังคาคลุมห้องเย็น
					  - พื้นที่ระบายความร้อน
					  
					  พื้นที่วางห้องเย็น
						แนะนำให้เป็น 
พื้นเรียบ เป็นปูน กระเบื้อง ไม้ หรืออย่างอื่นก็ได้ครับ ที่คาดว่าจะรองรับน้ำหนักห้องเย็นและน้ำหนักสินค้าในห้องเย็นได้ อย่างน้อยๆ ก็ควรรองรับน้ำหนักให้ได้  5 ตัน
					  
						  
หลังคาคลุมห้องเย็น
						  แนะนำว่าต้องมีครับ จะมีผลดีในหลายๆ เรื่อง 
						  -  สายไฟฟ้าจะอยู่ด้านบนของห้องเย็น หากตั้งห้องเย็นไว้ 
กลางแจ้ง โดนแดด โดนฝน ระบบไฟฟ้าอาจจะมีปัญหาหรือช็อตได้
						  - ห้องเย็นที่โดดแดดโดยตรง ผนังห้องเย็นนั้นอายุการใช้งานจะสั้นลงหรือ 
เสื่อมสภาพเร็ว ทำให้เก็บความเย็นไม่ดีเท่าที่ควร เครื่องทำความเย็นทำงานบ่อยมากขึ้น ส่งผลทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นนั่นเอง
						  
						 
 พื้นที่ระบายความร้อน พื้นที่ด้านหลังห้องเย็นจะมีคอล์ยร้อนอยู่ ไม่ควรมีอะไร 
กีดขวาง การระบายลม ความร้อนด้านหลัง เช่นกำแพง เป็นต้น  หากสถานที่ของลูกค้ามีกำแพงก็ให้ออกแบบคอล์ยร้อนให้หันไปทางที่โล่ง คอล์ยร้อนอาจจะอยู่ด้านข้าง หรือด้านบนก็ได้ครับ
						หรือหากมีกำแพงจริงๆ ก็ควรให้มีระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร เพื่อให้มีพื้นที่ระบายความร้อน
					  
					
2. ระบบไฟฟ้า
					ทางลูกค้าจะต้องเตรียมติดตั้ง 
เบรกเกอร์ อย่างน้อยขนาด 20A (แอมป์) แล้วเดินสายไฟแบบ 
VCT 4x4 มารอไว้บริเวณที่จะวางห้องเย็น เวลามาส่งห้องเย็นแล้วจะได้ต่อไฟเข้า ใช้งานได้เลย ส่วนเรื่องไฟฟ้าจะมี 2 แบบ ซิงเกิ้ลเฟส กับ สามเฟส
					 - 1 phase 220v
						จะเป็นระบบไฟฟ้าปกติ ทั่วไปจะติดตั้งมาอยู่แล้วตามบ้านเรือน หรือ สถานประกอบการ หากเป็นห้องเย็นขนาดตั้งแต่ 4 เมตรขึ้นไป จะแนะนำเป็น 
3 phase 380v จะดีกว่า
					 - 3 phase 380v 
					  เป็นระบบไฟฟ้าที่เหมาะกับการใช้งานห้องเย็นมากกว่า
					  
					  ดูข้อมูลเรื่องไฟฟ้าฉบับเต็มได้คลิกอ่านต่อได้ครับ 
อ่านต่อ
					  
					สรุป
					1. เตรียมพื้นที่ให้เหมาะสมในการวางห้องเย็น
					2. เดินสายไฟมารอไว้บริเวณที่จะวางห้องเย็น (ให้ช่างไฟฟ้าใกล้ๆ บ้านทำให้ก็ได้ครับ)